กรมป่าไม้ ร่วมกับ สคทช. และ บก.ปทส. หารือแนวทางแก้ปัญหาซื้อขายที่ดิน คทช. พร้อมบูรณาการยกระดับการตรวจสอบสิทธิ์

12 มีนาคม 2568 ณ ห้องประชุม 1 อาคารเทียมคมกฤส กรมป่าไม้

นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมกับ ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) และ พลตำรวจตรี วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ร่วมหารือแนวทางการปฏิบัติและการตรวจสอบสิทธิ์เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์และการซื้อขายเปลี่ยนมือ พร้อมกำหนดมาตรการร่วมกันในการกำกับ ติดตาม และเฝ้าระวังการบุกรุกพื้นที่ป่าและพื้นที่จัดที่ดินทำกินให้ชุมชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ตามมติคณะรัฐมนตรี ย้ำ หากตรวจพบการกระทำผิดตามข้อกำหนดจะเพิกถอนสิทธิ์แน่นอน
จากกรณีที่มีการตรวจพบการบุกรุกพื้นที่ป่าตะวันออก รวม 3 แปลง ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าแควระบมและป่าสียัด อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนช่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี และป่าสงวนแห่งชาติป่าตกพรม อ.ขลุง จ.จันทบุรี ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนเป็นป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วนเป็นพื้นที่กันคืนป่าสงวนแห่งชาติออกจากเขตปฏิรูปที่ดิน (แปลง RF) และมีบางพื้นที่เป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้ได้อนุญาตให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำไปจัดที่ดินทำกิน ตามแนวทาง คทช. แต่ยังไม่ได้ดำเนินการจัดให้ราษฎรเข้าทำประโยชน์
โดยกรมป่าไม้ ได้มีหนังสือกรมป่าไม้ ที่ ทส 1603.3/4067 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 และด่วนที่สุด ที่ ทส 1603.3/4068 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ถึงแนวทางการดำเนินการในการป้องกันมิให้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือพื้นที่ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ สำหรับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่กรมป่าไม้นำไปดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่มีราษฎรถือครองทำกินมาอย่างต่อเนื่อง อยู่ในลุ่มน้ำชั้นที่ 3, 4 และ 5 ซึ่งสำรวจไว้ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ปรากฏร่องรอยการทำประโยชน์ในภาพถ่ายทางอากาศสี Ortho Photo ปี 2545 โดยการอนุญาตตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำพื้นที่ไปดำเนินการจัดที่ดินตามแนวทางที่ คทช. กำหนด ให้ราษฎรได้อยู่อาศัยทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

สำหรับผลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดินได้กำหนดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 699 พื้นที่ ใน 65 จังหวัด เนื้อที่ 4.07 ล้านไร่ มีจังหวัดได้ยื่นขออนุญาตเพื่อนำไปดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน 3.67 ล้านไร่ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ได้เห็นชอบในหลักการอนุญาตให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำพื้นที่ไปดำเนินการแล้ว โดยกรมป่าไม้ได้ออกหนังสืออนุญาตให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนแล้ว จำนวน 2.99 ล้านไร่ และคณะอนุกรรมการจัดที่ดิน ได้ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรแล้ว 85,335 ราย รวม 107,454 แปลง เนื้อที่ 602,501 ไร่ ในส่วนการป้องกันมิให้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือพื้นที่ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ทางกรมป่าไม้ ได้มีหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ให้ดำเนินการใน 3 แนวทาง คือ

1) เร่งรัดดำเนินการในขั้นตอนการจัดที่ดินให้เสร็จสิ้น เพื่อป้องกันและควบคุมมิให้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือ โดยให้ทำการตรวจสอบคัดกรองผู้ที่จะได้รับการจัดที่ดินตามหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

2) กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดินของผู้ได้รับการจัดที่ดินทำกินอย่างสม่ำเสมอ

3) แจ้งผู้ปกครองท้องที่ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ช่วยสอดส่องดูแล มิให้มีการซื้อขายโอนสิทธิ์เปลี่ยนมือ หากตรวจพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขข้อกำหนดการใช้ที่ดิน ให้แจ้ง คทช. จังหวัด พิจารณายกเลิกเพิกถอนการจัดที่ดินของราษฎรรายนั้น ๆ แล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ด้าน สคทช. กล่าวว่า การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) กลุ่มที่ 1 เป็นการอนุญาตให้ราษฎรเข้าอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินของรัฐ ในลักษณะแปลงรวมโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ ดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เมื่อจัดราษฎรเข้าทำประโยชน์แล้วจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การจัดหาตลาด คณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด และคณะอนุกรรมการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด
จะติดตามและดูแลราษฎรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าราษฎรสามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินที่รัฐจัดให้ได้อย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

Leave a Comment

Skip to content