น่าน 58 แปลง


“กรมสอบสวนคดีพิเศษ ประสานกรมป่าไม้ขอให้ชุดพยัคฆ์ไพรลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบ กรณีได้รับร้องเรียนจากพลเมืองดีว่ามีกลุ่มนายทุน และเจ้าหน้าที่รัฐบุกรุกป่าต้นน้ำ พื้นที่ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน 58 แปลง ซึ่งน่าจะเป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีสภาพพื้นที่เป็นที่เขา พื้นดินเป็นก้อนกรวดเป็นแนวสันเขา ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์”นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า ได้มอบหมายให้นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า ดำเนินการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเฉียบขาด โดยสั่งการให้นายสมบูรณ์ ธีรบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า และนายชาญชัย กิจศักดาภาพ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นำกำลังชุดพยัคฆ์ไพรลงพื้นที่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดยพันตำรวจโทกรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดน่าน สาขาอำเภอเชียงกลาง ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเชียงกลาง จังหวัดน่าน ผู้เชี่ยวชาญศาลด้านการแปลตีความภาพถ่ายทางอากาศ และผู้นำท้องถิ่น กรณีมีพลเมืองดีร้องเรียนไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษว่า มีการออกโฉนดที่ดินรุกป่าต้นน้ำ 58 แปลง ในท้องที่ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อนุมัติให้ทำการสอบสวนกรณีดังกล่าวตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 105/2563 จึงได้บูรณาการกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการตรวจสอบลักษณะของพื้นที่ สภาพพื้นที่ และลักษณะการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งจะใช้เป็นพยานหลักฐาน ประกอบการแปลตีความภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง และใช้ในการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่า จากการทำการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า โฉนดที่ดินจำนวน 8 แปลง เนื้อที่ประมาณ 250 ไร่ น่าจะเป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีสภาพพื้นที่เป็นที่เขา พื้นดินเป็นก้อนกรวดเป็นแนวสันเขา ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า มีโฉนดที่ดินแปลงข้างเคียงซึ่งออกในบริเวณเดียวกันอีกจำนวน 50 ฉบับ รวมเนื้อที่ประมาณ 1,150 ไร่ น่าจะออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายด้วย เนื่องจากตรวจไม่พบว่ามีร่องรอยการทำประโยชน์ และมีสภาพพื้นที่เช่นเดียวกัน รวมเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 1,400 ไร่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ออกโฉนดที่ดินและมีชื่อเป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ดินทั้ง 58 แปลงดังกล่าว เป็นการกระทำเพื่อเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐหรือที่ป่า โดยใช้วิธีการออกโฉนดที่ดินเป็นเครื่องมือในการเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดิน เป็นการกระทำความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ประกอบมาตรา 108 ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72 ตรี วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อน รวมทั้งมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ อันมีลักษณะเป็นคดีความผิดทางอาญามาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) (ก) และ (ข) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงได้มีคำสั่งให้รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ โดยมอบหมายให้กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบทำการสอบสวน

แสดงความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *