
วันพุธที่ 18 ธันวาคม 2568 ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 2 อาคารเทียมคมกฤส กรมป่าไม้
นายนิกร ศิรโรจนานนท์ อธิบดีกรมป่าไม้ ให้การต้อนรับ ดร.เดวิด แกรนซ์ (Dr. David Ganz) ผู้อำนวยการบริหารศูนย์วนศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า (RECOFTC) พร้อมคณะ ในการประชุมหารือความร่วมมือด้านเทคนิควิชาการเพื่อสนับสนุนการพัฒนางานวนศาสตร์ชุมชนในประเทศไทย สานต่อพันธมิตร 12 ปี มุ่งเน้น “คนอยู่กับป่า” การพบปะในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง กรมป่าไม้ และ RECOFTC ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ MOU ในการพัฒนางานวนศาสตร์ชุมชน (Community Forestry) โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมบทบาทของชุมชนท้องถิ่นให้เป็นหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
นายนิกร ศิรโรจนานนท์ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า กระผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทีมงานจาก RECOFTC ความร่วมมือทางวิชาการที่เราขับเคลื่อนร่วมกันมาตลอด 12 ปี ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่สมดุล ชู “นวัตกรรม-องค์ความรู้” ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เป้าหมายสำคัญของการหารือในครั้งนี้ คือการนำองค์ความรู้ระดับสากลและความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมจาก RECOFTC มาประยุกต์ใช้ในบริบทของประเทศไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการป่าไม้ สนับสนุนให้ชุมชนมีทักษะและเครื่องมือในการดูแลรักษาป่าอย่างเป็นระบบ ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจฐานรากจากผลผลิตและการบริการทางระบบนิเวศ รับมือสภาวะโลกร้อน มุ่งสู่เป้าหมายการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการกักเก็บคาร์บอน เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน
สำหรับวัตถุประสงค์ร่วมมือกันในการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการป่าไม้อย่างมีส่วนร่วม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเสริมสร้างศักยภาพ ความเข้มแข็งของชุมชน และธรรมาภิบาลด้านการป่าไม้ในพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ ซึ่งครอบคลุมถึงพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชุมชน ป่าถาวร เป็นต้น โดยเน้น ๓ ประเด็นหลัก ได้แก่
1. การฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ การจัดการป่าไม้ยั่งยืน และการส่งเสริมไม้เศรษฐกิจ
2. การส่งเสริมด้านป่าชุมชน หรือวนศาสตร์ชุมชน และ
3. การส่งเสริมการพัฒนาความเป็นอยู่ของชุมชนที่พึ่งพิงป่า เพื่อให้เกิดความสอดคล้อง ในการดำเนินงาน
ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายป่าไม้แห่งชาติ อธิบดีกรมป่าไม้ เชื่อมั่นว่าผลลัพธ์จากความร่วมมือด้านเทคนิควิชาการในครั้งนี้จะนำไปสู่ นำองค์ความรู้ระดับสากลและความเชี่ยวชาญเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรและเครือข่ายป่า ชุมชนในประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนทางเทคนิค การฝึกอบรม และการพัฒนา นวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่












