
วันที่ 22 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ
นายเสกสรร กวยะปาณิก ผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าชุมชน ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมพิธีรับมอบคาร์บอนเครดิตจากโครงการ “คุณดูแลป่า เราดูแลคุณ : การจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยมี ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ ประธานกรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธาน มีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เข้าร่วมกิจกรรม สำหรับโครงการดังกล่าว มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร 14 องค์กร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการดำเนินการโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในพื้นที่ป่าเพื่อส่งเสริมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและป่าอย่างยั่งยืน โดยการพัฒนาศักยภาพป่าให้สามารถเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจก ผ่านการสร้างแรงจูงใจให้ชุมชนช่วยกันดูแลรักษาป่า เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน โดยการสนับสนุนของกรมป่าไม้และเครือข่ายป่าชุมชน ส่งเสริมศักยภาพของชุมชนในการรักษาป่า การฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่า การรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
ปัจจุบัน โครงการ “คุณดูแลป่า เราดูแลคุณ : การจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ได้ดำเนินการจนสามารถขอรับรองคาร์บอนเครดิต จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงาน MFLF sustainability FORUM 2025 เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางสู่การบรรลุเป้าหมาย Net Zero อย่างยั่งยืน โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ภายในงานมีการเสวนาในหัวข้อ “วิกฤตโลก ทางออกไทย” “กุญแจสู่การอยู่รอดของคนและธรรมชาติ” และการเสวนาพิเศษโดยตัวแทนชุมชนและตัวแทนภาคเอกชน
ในโอกาสนี้ ได้จัดให้มีการส่งมอบคาร์บอนเครดิต จำนวน 43,123 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) จากโครงการ “คุณดูแลป่า เราดูแลคุณ : การจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งถือเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิตจากโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าที่มากที่สุดที่เคยมีการส่งมอบในประเทศไทย ครอบคลุม 12 โครงการ ใน 4 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และพะเยา ซึ่งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ดำเนินการร่วมกับกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และภาคเอกชนกว่า 30 ราย ฟื้นฟูป่าชุมชนกว่า 250,000 ไร่ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม พร้อมส่งเสริมศักยภาพชุมชนในการรักษาป่าเพื่อเพิ่มปริมาณการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน














