“ส่งมือปราบจัดหนัก แจ้งจับ 2 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หลังพยัคฆ์ไพร ร่วมกับ ตำรวจ ปทส. ตำรวจภูธรภาค 3 สืบสวนพบมีส่วนร่วมขบวนการขโมยไม้พะยูงของกลาง ในหน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่ยโสธร”


จากกรณีที่ไม้พะยูงของกลางภายในหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยส.2 (โพนงาม-ดงปอ) ท้องที่หมู่ 3 ตำบลคำน้ำสร้าง อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร สูญหาย 33 ท่อน/เหลี่ยม ในช่วงค่ำของวันที่ 21 กันยายน 2562 ตาม ปจว.ข้อที่ 1 ลงวันที่ 22 กันยายน 2562 เวลา 11.46 น. สถานีตำรวจภูธรลำผักกูด จังหวัดยโสธรนั้น

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) จึงได้สั่งการให้นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ เร่งรัดขยายผลตรวจสอบข้อเท็จจริง และติดตามดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดมาลงโทษตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด ตามข้อสั่งการของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน – 1 ตุลาคม 2562 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ร่วมกับพันตำรวจโทอรรถพล สุดสาย รองผู้กำกับการ 3 บก.ปทส. พันตำรวจโทรุ่งนิรันดร์ ทองเกษมสกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรลำผักกูด พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) เข้าขยายผลภายในหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยส.2 พบว่าไม้พะยูงของกลางในคดีได้สูญหายจำนวน 33 ท่อน/เหลี่ยม ปริมาตร 2.90 ลูกบาศก์เมตร

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลสืบสวนสอบสวนจนทราบถึงกลุ่มขบวนการลักลอบขโมยไม้ของกลางของในหน่วย โดยมีข้อมูลชัดเจนว่า มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยป้องกันรักษาป่า (ยส.2) มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้อง ประกอบด้วยนายสุระศักดิ์ ชื่นตา ตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานพิทักษ์ป่า และนายสุพัฒน์ แก้วอ่อน ตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานพิทักษ์ป่า โดยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย ในวันที่เกิดเหตุได้รับคำสั่งเข้าเวรยามพร้อมกัน ซึ่งทางหน่วยงานได้มีการวางระบบการรายงานสถานการณ์แต่ละช่วงเวลา โดยให้รายงานเข้าทางไลน์กลุ่มเวรยาม ของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 (สาขาอุบลราชธานี) เพื่อแจ้งสถานการณ์พร้อมมีภาพประกอบ แต่จากการตรวจสอบการรายงานพบว่า ทั้งสองได้เตรียมถ่ายภาพกองไม้ที่หายไป และรูปของทั้ง 2 นายเก็บไว้หลายภาพ และนำมาประกอบการรายงาน ช่วงตั้งแต่ 00.30 น. 02.06 น. 04.00 น. และ 06.00 น. ต่อเนื่องกันถึง 4 ครั้งติดต่อกัน โดยรายงานว่าสถานการณ์ปกติ ทั้งที่ขณะนั้นสถานการณ์ไม่ปกติ

นอกจากนี้ มีพยานบุคคลที่เชื่อถือได้หลายปากให้การตรงกันว่า พบเห็นรถยนต์ปิคอัพต้องสงสัย วิ่งเข้ามาในหน่วย พร้อมกลุ่มผู้ชายหลายคนช่วยกันขนไม้พะยูงของกลาง โดยได้ยินเสียงชัดว่า มีการขนไม้ออกจากหน่วยช่วงเวลา 00.30 – 03.00 น. โดยพยานให้การว่ามีการเปิดเพลงเสียงดัง จนทำให้เข้าใจว่ามีงานเลี้ยง หรือมีการไปตรวจยึดจับไม้มาด้วยซ้ำ แต่จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายให้การยืนยันว่า ไม่ได้ยินเสียงอะไร และอ้างว่าหลับไป แต่เจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจสอบพบว่าเป็นการวางแผนมาเป็นอย่างดี เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มขบวนการเข้าลักลอบขโมยไม้พะยูงของกลาง

ขณะเดียวกันชุดทำงานยังคงเกาะติดกลุ่มขบวนการที่เป็นบุคคลภายนอก โดยมีข้อมูลว่าไม้ของกลางดังกล่าวยังคงถูกกลุ่มขบวนการเก็บซุกซ่อนอยู่ในท้องที่ใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลกลุ่มขบวนการ พร้อมทั้งจะเอาผิด แจ้งความดำเนินคดีด้วยข้อหาหนัก เพื่อเป็นการป้องปรามการดูแลรักษาไม้ของกลางให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นของกรมป่าไม้

เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันบันทึกเรื่องราว พร้อมนำตัวทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยทั้ง 2 นาย ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคำผักกูด ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้ง แต่ 2,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบัง ทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางจำคุก ตั้งแต่ 5 – 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 – 400,000 บาท พร้อมนำเรื่องราวและหลักฐานทั้งหมด เสนอให้หน่วยต้นสังกัด พิจารณาดำเนินการโทษทางวินัยร้ายแรง ตามระเบียบต่อไป

แสดงความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *