“ชีวะภาพ นำทีมพยัคฆ์ไพร สนธิกำลัง ศปป.4 กอ.รมน. ตำรวจ บก.ปทส.ขยายผลจัดการขั้นเด็ดขาด ขบวนการฟอกไม้เถื่อน หลังเฝ้าแกะรอยติดตามจนพบข้อมูลว่า มีการตัดไม้ยางนาในพื้นที่สาธารณะ 11 ต้น มาสวมเป็นไม้สวนป่าถูกต้องตามกฎหมาย ส่งขายโรงเลื่อยในอำเภอบรรพตพิสัย นครสวรรค์”


จากกรณีเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร ร่วมกับชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. และตำรวจ บก.ปทส. ตรวจพบไม้ยางนาต้องสงสัย ภายในโรงเลื่อยของเอกชนแห่งหนึ่งในตำบลหนองกรด อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 87 ท่อน จึงได้อายัดไม้ทั้งหมดไว้ตรวจสอบ

ล่าสุดเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานได้บูรณาการกำลัง นำโดยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ พร้อมด้วยนายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) และพันเอกพงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร ตำรวจกองกำกับการ 4 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่ ขยายผลเข้าตรวจสอบเป้าหมาย 2 จุด โดยจุดแรกเข้าตรวจสอบกองไม้ยางนาต้องสงสัย ภายในโรงงานแปรรูปไม้ของเอกชน เจ้าหน้าที่พบชายชาวจีน 2 คน อ้างว่าเป็นผู้ดูแลและได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของโรงงาน ให้นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบดวงตราจากทางราชการ ประทับบนไม้ยางนาต้องสงสัย 87 ท่อน เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบจากเอกสาร พบว่าต้นทางอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยขอตัดทั้งหมด 20 ต้น แต่ได้ตัดเพียง 11 ต้น เมื่อนำพิกัดรูปแปลงมาตรวจสอบโดยละเอียด กลับพบว่าพื้นที่ที่ไม้ถูกตัดอยู่นอกแปลงโฉนดที่ดิน จึงได้สอบถามผู้ดูแลให้การว่า ได้รับซื้อไม้ยางนาจากชายคนหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอแม่วงก์ โดยอ้างว่าเป็นไม้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขึ้นในพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์ และได้ขึ้นทะเบียนสวนป่าเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ได้ตรวจสอบใบอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักร ใบอนุญาตค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้า ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้าม และใบอนุญาตตั้งโรงค้าไม้แปรรูป ทั้งหมดถูกต้อง ได้รับอนุญาตเมื่อ 9 กรกฎาคม 2562 ถึง 8 กรกฎาคม 2563 เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดี ฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบรรพตพิสัย ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายต่อไป

จากนั้นเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังพื้นที่ต้นทาง ในตำบลวังซ่าน อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ขยายผลตรวจสอบต่อไม้ทั้ง 11 ต้นที่ถูกตัด ซึ่งจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบว่า ไม้ที่ถูกตัดอยู่ในบริเวณคลองวังม้าทั้งหมด และอยู่นอกแปลงโฉนดที่ดิน โดยที่ดินที่ระบุในโฉนดมีเพียง 75 ตารางวา เจ้าของได้เทปูเพื่อเตรียมทำคาร์แคร์ จากการสอบถามเจ้าของที่ดินที่ระบุว่า เมื่อไม่นานมานี้มีชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนายหน้าค้าไม้ มาติดต่อขอซื้อไม้ยางนา โดยเจ้าของที่ดินระบุว่า ไม้ไม่ได้อยู่ในที่ดินของตนเอง แต่นายหน้าได้แอบอ้างว่า สามารถเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ได้ โดยขอเอกสารที่ดินและใบมอบอำนาจ เพื่อนำไปดำเนินการขออนุญาตจัดตั้งสวนป่า ต่อมาได้มีชายกลุ่มหนึ่งเข้ามาตัดไม้ และมอบเงินให้กว่า 95,000 บาท เป็นค่าตอบแทน เจ้าหน้าที่ได้จัดทำบันทึกเรื่องราวทั้งหมด แจ้งความดำเนินคดีฐานร่วมกันทำไม้ห่วงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตกับนายหน้าค้าไม้ และกลุ่มบุคคลที่เข้ามาตัดไม้ นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่วงก์ เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ฝากเตือนไปถึงกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวขอให้หยุด เนื่องจากขณะนี้ภาครัฐ ได้ปลดล็อกมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ 2487 ให้สามารถทำไม้ในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ หากดังดื้อดึง ฝ่าฝืนกฎหมาย จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยจะส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการยึดทรัพย์ และหากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินการสถานหนัก ลงโทษทั้งวินัยและอาญา นอกจากนี้ฝ่ายความมั่นคงได้ฝากไปยังผู้นำชุมชน และพี่น้องประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแลไม้มีค่าในชุมชน เพื่อไม่ให้กลุ่มขบวนการฟอกไม้อาศัยช่องทางมาลับลอบตัด โดยเฉพาะในพื้นที่สาธารณะ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และหากพบผู้ใดมาแอบอ้างว่าสามารถช่วยเครียร์กับเจ้าหน้าที่ ในการช่วยเหลือให้สามารถตัดไม้นอกแปลงที่ดินกรรมสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าหยุดยั้งได้ทันท่วงที

แสดงความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *